6 เคล็ดลับฝึกลูกเลิกขวดนม

6 เคล็ดลับฝึกลูกเลิกขวดนม

เด็กๆกับนมเป็นของคู่กันเสมอ แต่เมื่อถึงเวลาที่สมควร การดูดนมจากขวดอาจไม่ดีกับลูกน้อยเสมอไป‼️ เพราะการดูดนมจากขวดนานเกินไปมีข้อเสียหลายประการ ตั้งแต่ฟันผุ ฟันยื่น วันนี้ Drink in the Box จึงมี 6 เคล็ดลับง่ายๆ ฝึกให้ลูกเลิกขวดนม ได้ผลแน่นอน ค่อย ๆ ลดปริมาณทีละนิด ค่อยๆลดปริมาณนมในขวดลงเรื่อยๆ รวมถึงงดมื้อนมที่ไม่สำคัญออกไป เช่น มื้อกลางวัน หรือมื้อดึกหลังเที่ยงคืน ฝึกดื่มนมจากถ้วยหัดดื่ม หาสิ่งทดแทน โดยฝึกให้ลูกใช้แก้วน้ำ ถ้วยหัดดื่ม หรือกระติกน้ำ ที่ลูกสามารถยก หยิบ จับเองได้ เจือจางนมผสมกับน้ำ แอบผสมน้ำเปล่าเพิ่มเข้าไปในขวดทุกครั้งที่ชง เพื่อให้รสชาติของนมเจือจางลงเรื่อย ๆ เมื่อลูกน้อยได้กิน จะรู้สึกว่านมในขวดไม่อร่อยเหมือนเก่า คุณแม่อาจบอกลูกล่วงหน้า อธิบายเหตุผล พูดคุยกับลูกตรงๆ(วิธีหักดิบที่ได้ผลทันที) และเมื่อถึงเวลาคุณแม่ต้องทิ้งหรือวางขวดนมไว้ให้พ้นสายตาลูก หากิจกรรมกับลูกแทนดื่มนมมื้อก่อนนอน (เพราะมื้อก่อนนอนสำคัญที่สุดต้องเลิกให้ได้) ฝึกการแปรงฟันก่อนนอน แล้วพาเข้านอนโดยเล่านิทาน ร้องเพลง หรือทำกิจกรรมอื่น ให้รางวัลลูกเมื่อไม่ดูดนมขวดตลอดวันหรือตลอดคืน คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกเลิกขวดนมตอนช่วงอายุกี่ขวบ? ช่วงอายุที่เหมาะสมในการเลิกขวดนม คือช่วงอายุ 1 ปี ถึง…

10 วิธีเลือกรถเข็นเด็กให้ปลอดภัย

10 วิธีเลือกรถเข็นเด็กให้ปลอดภัย

บ้านไหนมีแพลนพาเจ้าตัวน้อยไปเที่ยวบ้างคะ เตรียมอุปกรณ์ ของอำนวยความสะดวกต่างๆกันครบหรือยังคะ ยิ่งบ้านมีเด็กเล็กมาก ไอเทม รถเข็นเด็กเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกยิ่งขึ้น ทำอะไรต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องคอยระวังกับการอุ้มลูกน้อย แถมยังช่วยลดอาการปวดหลังของคุณพ่อคุณแม่ได้อีกด้วย เที่ยวได้อย่างสนุกสุดๆไปเลยค่า Mummily มี 10 วิธี เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย และใช้ได้นาน มาแนะนำคุณพ่อคุณแม่กันค่า รถเข็นแบบที่สามารถปรับระดับเบาะนั่งและนอนได้ ควรเลือกรถเข็นแบบที่สามารถปรับระดับเบาะนั่งและนอนได้ เพราะทารกควรนั่งรถเข็นในท่านอน เนื่องจากคอที่ยังไม่แข็งแรง และเมื่อคอแข็งมากขึ้น ก็สามารถปรับระดับรถเข็นให้เหมาะสมกับท่านั่งของเด็กได้ รถเข็นต้องดูมั่นคงแข็งแรง การออกแบบ ต้องมั่นใจว่าไม่เป็นอันตรายกับลูกน้อย ต้องดูมั่นคงแข็งแรง วัสดุไม่แหลมคม หรืออาจเป็นอันตรายกับลูกได้ นอกจากนี้การออกแบบยังต้องคำนึงถึงสรีระของลูกน้อย ไม่ทำให้นั่งแล้วไม่สบายตัวหรือเมื่อยอีกด้วยค่า สายรัดและตัวล็อคที่แน่นหนา ตัวล็อกที่ควรมี ได้แก่ ล็อกเอว ระหว่างขาและไหล่ ซึ่งตัวล็อกควรจะแน่นหนา ไม่ดึงหลุดง่าย ในขณะเดียวกันก็ไม่แน่นสำหรับเด็กจนเกินไป และปลดเข้าออกได้ไม่ยาก ควรมีระบบเบรกหรือล้อคล้อ ก่อนซื้อควรทำการทดสอบที่ร้านเลยว่าระบบเบรกดีหรือไม่ ตัวล็อกรถหรือห้ามล้อหยุดดีหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยมากๆ ล้อต้องมีความแข็งแรง และสามารถเคลื่อนตัวได้ดี ระบบล้อคือส่วนที่จะช่วยให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าได้ และสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับพื้นผิวขรุขระหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ แะละสามารถเคลื่อนตัวได้ดี วัสดุที่ใช้ควรสามารถถอดหรือเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย การใช้งานรถเข็นอาจมีการป้อนข้าว ทานขนมไปด้วย…

6 สารเคมีที่ควรเลี่ยงในเครื่องสำอางสำหรับคนท้อง

6 สารเคมีที่ควรเลี่ยงในเครื่องสำอางสำหรับคนท้อง

การตั้งครรภ์ของคุณแม่ ทำให้ผิวพรรณมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด การเลือกใช้เครื่องสำอางสำหรับคนท้องจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะส่วนผสมหรือสารเคมีบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ วันนี้ Brusta มี 6 สารเคมีที่ควรเลี่ยงในเครื่องสำอางสำหรับคนท้อง มาบอกคุณแม่ให้ทราบกันค่า สารกลุ่มวิตามินเอหรือเรตินอยด์ (Retinoids) มักพบสารเคมีพวกนี้ได้ในยารักษาสิวหรือต้านริ้วรอย ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อลูกน้อยในครรภ์ ถึงขั้นเสี่ยงแท้งหรือพิการแต่กำเนิดได้เลย เพราะฉะนั้นคุณแม่ทั้งหลายควรงดใช้เครื่องสำอางสำหรับคนท้องที่มีส่วนผสมของสารกลุ่มวิตามินเอไปก่อนนะคะ alicylic Acid (BHA) เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางสำหรับคนท้องที่ควรดูให้ดีก่อนใช้ เพราะสารชนิดนี้ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย และยังเป็นสารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อีกด้วย หากจะใช้ต้องดูส่วนผสมว่ามี BHA ในความเข้มข้นต่ำไม่เกิน 2% จึงจะใช้ได้ แต่ทางที่ดีคุณแม่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงจะดีกว่า Benzoyl Peroxide (BP) ส่วนมากเป็นยาใช้ทาก่อนล้างหน้าเพื่อรักษาสิว ออกฤทธิ์รุนแรง ส่งผลให้ผิวมีอาการระคายเคือง ไวต่อแสง แสบร้อน หรือมีผิวแตกแห้งได้ และในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ผิวของคุณแม่จะมีความ sensitive มากกว่าปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อนจะดีกว่า พาราเบน (Parabens) พาราเบน เป็นสารกันเสียที่คุณแม่ควรระวังและงดใช้มากที่สุด เพราะนอกจากจะพบได้ง่ายในผลิตภัณฑ์ทั่วไป อย่าง ผลิตภัณฑ์อาบน้ำทารก ครีมบำรุงผิว แชมพู ครีมนวดผมแล้ว ยังส่งผลต่อการตั้งครรภ์ถึงขั้นเสี่ยงแท้งหรือพิการแต่กำเนิด ไปจนถึงลูกอาจมีพัฒนาการผิดปกติได้ด้วย สารเคมีในน้ำหอม สารเคมีในน้ำหอม…

7 เคล็ดลับแก้ปัญหาลูกอมข้าว

7 เคล็ดลับแก้ปัญหาลูกอมข้าว

ปัญหาลูกอมข้าว ปัญหาขัดใจแม่ ในช่วงเด็กอายุ 1-3 ปี บ้านใครกำลังเจอปัญหานี้อยู่บ้างคะ? หลอกล่อก็แล้ว พูดโน้มน้าวก็แล้ว ลูกก็ยังอมข้าวไม่ยอมเคี้ยวสักที วันนี้ Drink in the Box มี 7 เคล็ดลับแก้ปัญหาลูกอมข้าว มาแนะนำคุณพ่อคุณแม่กันค่า งดให้นม งดขนมก่อนมื้ออาหาร จัดเวลามื้อของว่างให้เหมาะ คุณพ่อคุณแม่ควรงดของว่างจำพวกขนม หรือของหวานต่างๆ ก่อนอาหารมื้อหลัก เพราะถ้าลูกกินขนมมากเกินไปจะทำให้อิ่มจนไม่อยากกินข้าวได้ กินข้าวให้ตรงเวลา ลองฝึกให้ลูกกินอาหารให้เป็นเวลาทั้ง 3 มื้อ และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่เองควรกินข้าว พร้อมกับลูก เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเรียนรู้ที่จะทำตามเลยค่า อย่าใช้เวลาในการทานนานเกินไป การที่ให้ลูกใช้เวลากินข้าวไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดขอบเขตเวลา ถือเป็นเรื่องไม่ดีนะคะ เพราะการพยายามให้ลูกกินหมดชามคุณแม่อาจเข้าใจว่าภารกิจประสบความสำเร็จ แต่ความจริงแล้วทำให้ลูกไม่มีวินัยในการกินนั่นเองค่า เพราะฉะนั้นควรกำหนดระยะเวลาในการกินข้าวให้ชัดเจน หมดเวลาก็เก็บได้เลย ไม่เล่นระหว่างกินข้าว ให้ลูกมุ่งความสนใจไปที่การกินอาหาร กินไปเล่นไปเด็กจะสนใจการเล่น เวลาลูกกินทุกคำที่ป้อนโดยไม่รู้ตัวเหมือนจะดี แต่ก็จะลืมเคี้ยวนั่นเองค่า ไม่ให้ดูโทรทัศน์ใช้แทบเล็ตหรือมือถือระหว่างกินข้าว เด็กในช่วงอายุ 1-3 ปี จะเป็นช่วงเรียนรู้ ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะดึงดูดความสนใจของลูกออกไปจากการกิน และควรตัดสิ่งเร้าต่างๆ ออกไป…

6 เคล็ดลับเลือกที่นอนเด็ก

6 เคล็ดลับเลือกที่นอนเด็ก

การนอน คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ฉะนั้นการเลือกที่นอนให้คุณลูกก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองห้าม เพราะหากลูกน้อยไม่ได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ แน่นอนผลลัพท์ที่คุณพ่อคุณแม่เห็นก็คือ ภาวะขาดการนอนหลับ อาการสะลึมสะลือ ไม่สดชื่น ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยมากกว่าที่คุณคิดเลยล่ะค่ะ วันนี้ Mummily มี 6 เคล็ดลับ เลือกที่นอนให้ลูกน้อยหลับสบายมาฝากกันค่า ระดับความแข็งต้องกำลังพอดี ไม่แข็งหรือนิ่มมากเกินไป ไม่ว่าเป็นทารก เด็กอ่อน หรือเด็กเล็กควรเลือกระดับความแข็งของที่นอนให้อยู่กลาง ๆ เพราะถ้าแข็งเกินไปจะทำให้ลูกรู้สึกไม่สบายตัว แต่ถ้าอ่อนนิ่ม หรือยุบตัวง่าย และเมื่อเวลาที่ลูกน้อยนอนคว่ำอาจเกิดความเสี่ยงจากใบหน้าที่จมลงไปจนถึงขั้นขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้เลยเลยค่า ไม่ควรเลือกที่นอนแบบมีร่อง เพราะร่องเตียงนั้นเสี่ยงต่อการที่ลูกกลิ้งตกลงไปได้ง่ายมาก บาดเจ็บทางร่างกาย รวมถึงอาจขาดอากาศหายใจถ้าคว่ำหน้าแล้วตกลงไปในร่องนั้นๆอีกด้วย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเตียงผืนเดียวกันมากกว่าเตียงที่นำมาต่อกันจนเกิดเป็นร่องจะดีกว่าค่า เลือกจากวัสดุของที่นอนเด็ก ข้อนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญมาก เพราะอากาศที่ร้อนแบบบ้านเรา การที่เด็กนอนบนที่นอนที่ร้อนและอับชื้น อาจทำให้หนูน้อยนอนหลับไม่สบายได้คุณพ่อคุณแม่จึงควรคำนึงถึงวัสดุที่ใช้ทำ อย่างเช่นที่นอนยางพารา ตัวที่นอนจะมีรูเล็กๆจำนวนนับล้าน เพื่อระบายอากาศ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการอับชื้น ไม่สะสมความร้อน จึงทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างผ่อนคลายเย็นสบายอีกด้วยค่า ไม่ควรเลือกที่นอนมีรอยยุบไม่ว่าจุดไหนก็ตาม บางคนได้รับที่นอน ต่อมาจากเพื่อน ญาติพี่น้อง หรือแม้แต่จากลูกคนแรก ก็ต้องสังเกตดี ๆ ว่าอย่าให้มีจุดยุบตัวในทุกๆ ส่วนขอที่นอนดังกล่าว เนื่องจากเด็กวัยนี้กระดูกยังไม่แข็งแรง การที่เขานอนในลักษณะผิดท่าทางอาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกได้ นอกจากนี้คุณแม่ยังสามารถเลือกที่นอนที่มีความหยืดหยุ่น และคืนตัวได้ดี เพื่อลดการเกิดเหตุการณ์ข้างต้นได้ค่า…

คุณแม่ตั้งครรภ์ ดื่มนมอะไรดีนะ วันนี้ Brusta มีคำตอบมาบอกค่า

คุณแม่ตั้งครรภ์ ดื่มนมอะไรดีนะ วันนี้ Brusta มีคำตอบมาบอกค่า

ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายแม่ท้องต้องได้รับแคลเซียมวันละประมาณ 1,000-1,300 มิลลิกรัม (คนปกติทั่วไปต้องการแคลเซียมวันละ 800-1,000 มิลลิกรัม) เพื่อให้แคลเซียมมีปริมาณเพียงพอกับทั้งแม่ท้องและลูก เพราะนมมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกอ่อนในทารกได้ และยังช่วยในการสร้างเนื้อเยื้อ กล้ามเนื้อ เส้นใยประสาทรวมทั้งกระดูกและฟันอีกด้วยค่า นมข้าว อุดมไปด้วยวิตามินบีสูง ไขมันต่ำ โปรตีนต่ำ เป็นแหล่งแคลเซียมที่หาได้ยากอีกด้วย ในทางกลับกันกันนมข้าวจัดเป็นนมที่ไม่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากมีปริมาณของคาร์โบไฮเดรตสูงกว่านมวัวมากถึง 4 เท่านั่นเอง นมข้าวโอ๊ต อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารสูง ดีต่อตัวคุณแม่ด้วย เพราะมีส่วนช่วยในการป้องกันอาการท้องผูกในระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งยังให้สารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แมงกานีส โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส นมถั่วเหลือง อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและแคลเซียม ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด นมอัลมอนด์ อุดมไปด้วยกรดโฟลิก เส้นใยอาหาร วิตามินบี วิตามินอี ธาตุเหล็ก โปรตีน และมีปริมาณแคลอรีต่ำ ที่สำคัญยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย นมแพะ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และมีวิตามินบี2 ที่สูงกว่านมวัว นอกจากนี้นมแพะยังมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย พร้อมทั้งเร่งกระบวนการเผาผลาญและช่วยในการย่อยอาหารอีกด้วย นมวัว มีกรดอะมิโนที่ช่วยในการสร้างเซลล์ภายในร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ มีวิตามินดี…

7 ของใช้จำเป็นที่ต้องเตรียมสำหรับพาลูกเที่ยว

7 ของใช้จำเป็นที่ต้องเตรียมสำหรับพาลูกเที่ยว

ทุกๆ เทศกาลไม่ว่าจะปีใหม่ สงกรานต์ วันหยุดยาว หรือแม้กระทั่งวันเสาร์อาทิตย์ หลายๆ ครอบครัวต้องมีแพลนไปเที่ยวต่างจังหวัด เปลี่ยนบรรยากาศกันใช่ไหมคะ รวมไปถึงบ้านไหนที่มีลูกวัยเตาะแตะ เริ่มโต ก็ต้องอยากพาลูกๆออกไปเรียนรู้ ผจญภัยนอกบ้าน เพราะจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดี ซึ่งการพาลูกๆวัยเตาะแตะออกนอกบ้าน เหมือนจะง่าย แต่ถ้าไม่เตรียมของจำเป็นไปให้พร้อม ก็งานหนักอยู่เหมือนกัน เพราะยิ่งต่างสถานที่ อุปกรณ์บางอย่างก็ไม่ได้มี ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมของไปให้ครบ ทั้งของใช้ส่วนตัวลูกเพื่อความสะอาดปลอดภัย หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆก็ควรจะมี เพื่อให้เที่ยวได้อย่างมีความสุขค่ะ Mummily จะพาคุณพ่อคุณแม่จัดกระเป๋า พาลูกเที่ยว กับ 7 หมวดหมู่ ของใช้จำเป็นที่ต้องเตรียม เช็คกันเลยจะได้ไม่ลืม เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์เดินทาง หมวดนี้จะขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะสำคัญต่อการเที่ยวสุดๆ อยากเที่ยวให้สนุก ก็ต้องมีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกอย่าง เป้อุ้มเด็กที่จะช่วยพยุง รับน้ำหนักลูกได้ดี และรถเข็นที่จะช่วยดูแลแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ได้ เพราะถ้าจะให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกเป็นเวลานานๆ ก็คงจะปวดเอว ปวดหลัง เที่ยวแบบไม่สุดแน่นอนค่ะ เสื้อผ้าลูก สิ่งนี้ต้องเตรียมให้ครบเลยค่ะ จะไปกี่วันต้องใช้กี่ชุด เตรียมไปเยอะดีกว่าขาด เพราะถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะใช้ชุดซ้ำ ก็ไม่ดีต่อผิวหนังและความสบายต่อลูกอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือต้องดูด้วยว่าสถานที่ๆจะไปเป็นอย่างไร ถ้าไปทะเล ลูกโตมาหน่อยก็ห้ามลืมชุดว่ายน้ำเด็ดขาด เพราะเป็นของคู่กันเลยค่ะ…

5 สูตรอยู่หมัดพร้อมวิตามินสำหรับเด็ก

5 สูตรอยู่หมัดพร้อมวิตามินสำหรับเด็ก

บ้านไหนมีคุณลูกวัยกำลังซนบ้างคะ เมื่อลูกเริ่มโตอยู่ในช่วง 1-3 ขวบ ก็เริ่มพัฒนาการทั้งทางด้านรางกายและจิตใจ อยากเรียนรู้ ติดเล่นสนุก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องมีการเตรียมตัว ในการรับมือ ฝึกและสอนเด็กๆในเรื่องต่างๆ ซึ่งอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย คือเรื่องการดื่มน้ำของเด็กๆ ไม่ค่อยดื่มน้ำ ดื่มน้ำยาก หรือดื่มน้อยมาก ยิ่งช่วงติดเล่นด้วย สนุกและเพลิดเพลินจนลืมที่ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย จะบังคับก็ไม่ใช่เรื่องวิธีที่ดีมากนัก การฝึกให้ลูกๆชอบดื่มน้ำก็มีหลายหลายวิธีเลยค่ะ ทั้งเริ่มต้นจากให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำเป็นตัวอย่าง และสอนให้ลูกค่อยๆดื่มน้ำทีละนิด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจจะใช้วิธีอ้อมๆโดยพยายามเลือกเมนูอาหาร หรือ ทำอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น ต้มจืด หรือมีน้ำซุปควบคู่กับอาหารมื้อนั้นๆ เพราะจะทำให้ลูกได้ซดน้ำนั่นเองค่ะ รวมไปถึงภาชนะที่ใส่ข้าวหรือใสน้ำดื่ม ก็ควรมีสีสันและสวดลายที่ดึงดูดเด็กๆด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจจะพาเด็กๆไปเลือกซื้อกระติกน้ำใบโปรดด้วยตัวเองเลยก็ได้ ซึ่งก็จะทำให้ลูกได้มีส่วนร่วมและอยากที่จะใช้ หมั่นหยิบกระติกน้ำมาดื่มนั่นเองค่ะ อีกหนึ่งวิธีก็คือหาเมนูน้ำอื่นๆ เพราะลูกๆอาจจะเบื่อน้ำเปล่า อยากดื่มน้ำหวานๆหรือมีรสชาติก็เป็นได้ค่ะ ซึ่งในแต่ละวันคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องเตรียมเมนูน้ำให้ลูกหลากหลายแบบ ให้สลับไปแต่ละมื้อ โดยอาจจะเลือกผักหรือผลไม้ที่ลูกชอบ ให้ลูกรู้สึกว่าไม่น่าเบื่อและอยากที่จะดื่ม ซึ่งการทำน้ำผักผลไม้ จะเป็นการฝึกลูกให้กินผักชนิดนั้นๆเป็นด้วย อีกทั้งยังได้รับคุณประโยชน์จากผักและผลไม้ชนิดนั้นๆด้วยค่ะ น้ำผักผลไม้มีวิธีทำหลายแบบ หลากหลายสูตรมาก จะปั่นหรือผสมน้ำเปล่าง่ายๆปกติเหมือน Infused Water แล้วแช่เย็น คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมามิกซ์กันได้หมดเลย ซึ่งก็จะได้รสชาติเป็นความแปลกใหม่ เป็นความสนุกอีกอย่าง วันนี้ Drink in…

ชวนครอบครับทำกิจกรรมในวันคริสต์มาส

ชวนครอบครับทำกิจกรรมในวันคริสต์มาส

ชวนครอบครับทำกิจกรรมในวันคริสต์มาส คริสต์มาส แต่ไม่คิดมากมาชวนลูกๆและคนในครอบครัวทำกิจกรรม อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพิ่มพูนความรักความอบอุ่น ให้คนในครอบครัวได้มีความสุขในช่วงเวลาที่แสนพิเศษนี้  ถ้าคิดไม่ออกว่าจะจัดกิจกรรมอะไร ให้เด็กๆและคนในครอบครัว ได้สนุกกัน วันนี้ Grace kids เอากิจกรรมดีๆมาฝากกัน 1. ทำขนมร่วมกัน เป็นการกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า รวมไปถึงกลุ่มเพื่อนด้วย ขนมที่เลือกทำจะเป็นแบบง่ายๆไม่ยุ่งยากก็ได้ เช่น คุกกี้รูปต้นคริสต์มาส์ หรือคัพเค้ก ที่ให้เด็กๆได้แต่งเติมหน้าเค้กตามใจชอบ ก็เข้ากับบรรยากาศสุดๆไปเลย และยังนำขนมที่ทำด้วยรักนี้ไปฝากญาติผู้ใหญ่ในเทศการพิเศษแบบนี้ได้อีกด้วย 2. ให้ของขวัญ เป็นกิจกรรมยอดฮิตในวันคริสต์มาส ซึ่งอาจจะเป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆมีคุณค่าทางจิตใจ ให้ได้ลุ้นได้แลกของขวัญกัน อาจรวมไปถึงการบริจาคสิ่งของให้ผู้อื่น เป็นการฝึกให้ลูกๆได้รู้จักการแบ่งปันอีด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นที่ชื่นชอบทั้งเด็กและผู้ใหญ่กันเลยก็ว่าได้ 3. ออกไปดูไฟ ในช่วงคริสต์มาสแบบนี้สถานที่ต่างๆจะประดับประดาไปด้วยไฟ อย่างตระการตา เหมาะมากกับการพาเด็กๆไปถ่ายรูป เพราะแต่ละปี แต่ละสถานที่จะตกแต่งต่างกันออกไป เป็นกิจกรรมที่เก็บความทรงจำดีๆ ร่วมกันกับคนที่เรารักอีกด้วย 4. การแต่งต้นคริสต์มาส ไม่ใช่แค่แต่งต้นไม้ให้สวยงามตามความต้องการอย่างเดียว แต่ของที่นำมาใช้ในการแต่งต้นไม้นั้น ยังมีความหมายและคำอวยพรที่แตกต่างกันไป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำร่วมกันกับคนในครอบครัวได้อย่างมมีความสุข 5. ส่งการ์ดคริสต์มาส  ไม่ต้องเป็นของที่มีราคาแพง ลงมือทำการ์ดเองเขียนคำอวยพรให้ญาติผู้ใหญ่…