Showing the single result

เจลเย็น 1 ไอเทมที่สำคัญกับประโยชน์ที่หลายคนไม่เคยรู้ 

เจลเก็บความเย็นที่หลายคนคุ้นเคยหรือ ice pack คือ   เจลที่มีคุณสมบัติ “เสมือน” น้ำแข็ง ซึ่งนั่นก็คือทำความเย็นได้เหมือนน้ำแข็ง ละลายได้ เหมาะกับอาหาร/สินค้าที่ต้องการความเย็นในลักษณะการแช่เย็น สิ่งที่ทำให้เจลน้ำแข็ง ice pack แตกต่างออกไปจากน้ำแข็งคือ ละลายช้ากว่าน้ำแข็งทั่วไป ไม่มีน้ำไหลนองเลอะเทอะมากเท่าการใช้น้ำแข็ง ปัจจุบันเจลเก็บความเย็น ถือเป็นไอเทมที่สามารถใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เจลเย็นแช่อาหารหรือถนอมอาหาร ใช้ประคบเย็น หรือใช้ใส่ในพัดลมไอเย็นเพื่อช่วยคลายร้อนให้คุณในวันที่อากาศอบอ้าว ซึ่งในปัจจุบันเจลเก็บความเย็นมีหลายประเภท ซึ่งแต่ประเภทก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งรูปแบบที่มีทั้งแบบแข็ง (Ice Pack) และแบบนิ่ม (Gel Ice pack) ทั้งระยะเวลาการเก็บรักษาความเย็นที่ต่างกันและการเลือกใช้วัสดุผลิต

ดังนั้นจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกซื้อเจลเก็บความเย็นให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน  ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเจลเก็บความเย็นมาใช้งาน ควรคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ขนาด และชนิดของเจลเก็บความเย็นให้ดีเสียก่อน เพื่อให้เลือกซื้อได้ตรงตามความต้องการและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

รวมไอเดียการเลือกซื้อเจลเก็บความเย็นให้ได้ประสิทธิภาพ

  1. เลือกเจลเก็บความเย็นให้ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน

สิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อคุณต้องการใช้เจลเก็บความเย็นก็คือ ความเย็นของเจล ซึ่งควรจะสอบถามกับทางผู้ขายโดยตรง หรือดูตรงฉลากสินค้าว่าเหมาะกับแช่สิ่งของประเภทใด เช่น เนื้อสัตว์ น้ำนมแม่ หรือเครื่องดื่มทั่วไป

นอกจากนี้ เจลบางประเภทยังสามารถใช้ทำความร้อนได้ด้วย โดยวิธีการปรับระดับความร้อนนั้นจะทำได้โดยการนำถุงเจลลงไปแช่ในน้ำที่กำลังเดือดตามระยะเวลาเวลาที่เขียนในฉลากสินค้า จะทำให้ได้ถุงเจลที่มีอุณหภูมิสูง แต่ถ้าไม่อยากได้อุณหภูมิสูงมากนักก็แช่ในน้ำร้อน เป็นต้น

  1. เลือกเจลเก็บความเย็นที่ผลิตจากวัสดุปลอดภัยเมื่อใช้กับอาหาร

เจลเก็บความเย็นส่วนใหญ่มักใช้เพื่อรักษาอุณหภูมิของอาหารและเครื่องดื่มในการเดินทางไปในที่ต่าง ๆ ดังนั้น คุณควรเลือกซื้อเจลเก็บความเย็นที่ปราศจากสารเคมี เพื่อให้คุณปลอดภัยเมื่อใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่ต้องการซื้อแผ่นเก็บความเย็นไว้เพื่อเก็บรักษาน้ำนมให้กับลูกน้อย จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกให้มากขึ้น เจลเก็บความเย็นที่ปราศจากสาร BPA ที่เป็นสารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เมื่อเข้าสู่ร่างกายอาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

  1. เลือกประเภทของเจลเก็บความเย็นให้เหมาะสมกับการใช้งาน

เจลแบบแข็ง หรือ Ice Pack

เจลเก็บความเย็นแบบแข็งหรือ Ice Pack เหมาะสำหรับใช้ในกิจกรรมกลางแจ้งมีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งของมันนั่นเอง จึงทำให้เหมาะที่จะใช้แบบลุย ๆ เพราะไม่ต้องกังวลว่าเจลจะฉีกขาดเสียหาย ซึ่งโดยส่วนมากเรามักใช้เป็นเจลเย็นถนอมอาหารสำหรับใส่ลงไปในกล่องโฟมต่าง ๆ เพื่อรักษาความเย็นของอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ เนื่องจากตัวกล่องของเจลมีบทบาทเป็นวัสดุฉนวนกันความร้อน จึงทำให้ตัวเจลสามารถทำความเย็นได้ยาวนานมากกว่าเจลแบบนิ่ม โดยเฉลี่ยขั้นต่ำคือ 8 - 12 ชม. หรืออาจเก็บความยาวได้มากสุดถึง 24 ชม.

เจลแบบนิ่ม หรือ Ice Gel

เหมาะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใหญ่เทอะทะเหมือนกันแบบแข็ง เราขอแนะนำเจลเก็บความเย็นแบบนิ่ม หรือ Ice Gel ค่ะ ถึงแม้ว่าเจลทำความเย็นชนิดนี้จะอ่อนนุ่มและคลายความเย็นเร็วกว่าแบบแข็ง แต่ข้อดีของเจลประเภทนี้ก็คือ สามารถกลับมาเย็นได้อีกในเวลาอันสั้น อีกทั้งด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้สามารถใช้เจลทำความเย็นแบบนิ่มในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย เช่น ใช้ประคบตามข้อพับของคุณในวันที่อากาศร้อน หรือใช้สำหรับใส่ในกล่องอาหาร หรือกล่องเก็บรักษาน้ำนมแม่

  1. เลือกซื้อเจลเก็บความเย็นจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ

เจลเก็บความเย็นมีวางขายอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ที่สามารถซื้อได้สะดวกรวดเร็ว แต่มีข้อเสียตรงที่ไม่เห็นขนาดจริง ดังนั้น เพื่อความสบายใจ คุณอาจเลือกซื้อเจลเก็บความเย็นจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าใกล้บ้านแทนได้ เพื่อความรวดเร็วและได้สินค้าตรงตามต้องการค่ะ นอกจากนี้ หากเดินทางแล้วลืมหยิบเจลเก็บความเย็นไป ปัจจุบันก็มีเจลเย็นวางขายตามร้านสะดวกซื้อ ที่สามารถจอดรถซื้อได้ทันที ทั้งดีทั้งสะดวกสบาย

จบกันไปแล้วสำหรับวิธีการเลือกซื้อ ice pack เจลเก็บความเย็น ซึ่งข้อสำคัญที่ไม่ควรลืมก็คือ ควรตรวจสอบข้อมูลของเจลแต่ละประเภทอย่างละเอียดก่อนซื้อมาใช้งาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการมากที่สุด ดังนั้น ใครที่ชอบการเดินทางท่องเที่ยว หรือการทำกิจกรรมนอกบ้านอย่างการเล่นกีฬา Outdoor หรือการตั้งแคมป์กับเพื่อน ๆ ก็ลองเลือกซื้อเจลเก็บความเย็นมาใช้ เพราะการประคบเย็นหนึ่งในสุดยอดวิธีแสนง่ายที่บรรเทาอาการบาดเจ็บ ปกติแล้วต้องประคบเย็นภายในไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังบาดเจ็บ ส่วนถ้าใครปวดเรื้อรังต้องเปลี่ยนไปประคบร้อนแทน นอกจากน้ำแข็งแล้วยังมีเจลประคบเย็นที่จะช่วยลดปวด รวมถึงลดการอักเสบ ทำให้หายเร็วขึ้น รับรองว่าจะอำนวยความสะดวกได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ mummily.com